หลังจากที่ กรุงปารีส แซงต์-แชร์กแมง เปิดตัวยอดนักฟุตบอล ลิโอเนล เมสซี กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดปัญหาเป็นวงกว้างว่าเพราะเหตุไรกฎ Financial Fair Play ไม่บางทีอาจเอามาลงอาญาพฤติกรรมของยอดกลุ่มเมืองหลวงประเทศฝรั่งเศสได้
เป็นเพราะว่า ทุ่งนาสเซอร์ อัล เคไลฟี ประธานสมาคมกรุงปารีส แซงต์-แชร์กแมง มีชื่ออยู่ในชื่อบอร์ดบริหารของผู้ช่วยเหลือกลุ่มทั้งหมดทั้งปวง ทำให้เขามีเงินมาใช้จ่ายซื้อนักเตะเข้าท่าเข้าทางมได้ด้วยจำนวนเงินพรั่งพร้อม ซึ่งมีส่วนให้เกิดดีลของ เมสซี
จากรายงานของ เดอะ ไทม์ ได้ระบุว่า ยูฟ่า จัดเตรียมใคร่ครวญกฎเพดานค่าแรงหรือ Salary Cap ที่ใช้กันอย่างมากมายในอเมริกันเกมส์มาประยุกต์ในฤดูกาลหน้า โดยจะนำเรื่องเข้าในที่ประชุมกำลังจะมาถึงนี้ พร้อมกับปรึกษาหารือเรื่องป้องกันภัยรุกรามจาก European Super League ที่บางทีอาจเกิดขึ้นในอนาคต
นอกเหนือจากนั้น ในรายงานยังได้ระบุว่ากฎเพดานค่าแรงแบบใหม่ ทำให้สมาคมที่ร่วมการประลองในยุโรปจะถูกจำกัดการใช้จ่ายตามเปอร์เซ็นต์ของรายได้ที่กำหนดไว้ ซึ่งกล่าวกันว่าคงจะอยู่ที่ประมาณจำนวนร้อยละ 70 สำหรับค่าแรงนักเตะทั้งหมดทั้งปวงในสมาคม แล้วก็ถ้าพบว่ามีการละเมิดกฎ จะถูกลงโทษด้วยการจ่ายภาษีสุรุ่ยสุร่ายที่เท่ากันหรือมากยิ่งกว่าของค่าใช้จ่ายให้กับสมาคมอื่นในการชิงชัย
กฎดังที่กล่าวถึงมาแล้วจะปกป้องไม่ให้กลุ่มใหญ่ที่มีเงินถุงเงินถังใช้เงินปัดกวาดซื้อผู้เล่นชั้นหนึ่งเข้าไปอยู่ในกลุ่มเดียวกันจนกระทั่งหมด จนกระทั่งเสียความสมดุลในโลกบอล
ข่าวสารดังที่กล่าวถึงมาแล้วมีขึ้นเพียงแต่ไม่กี่วันจากที่ กรุงปารีส แซงต์-แชร์กแมง ประกาศเซ็นสัญญากับ ลิโอเนล เมสซี ซูเปอร์สตาร์ระดับนานาชาติ หลังย้ายออกจาก บาร์เซโลน่า ทำให้เพดานค่าจ้างรายเดือนของนักเตะกรุงปารีสทั้งทีม สูงจนกระทั่งสมาคมอื่นใน ลีกเอิง แทบรับไม่ได้
โดยผู้ที่ทำความผิดซ้ำบางทีอาจต้องพบเจอกับการคว่ำบาตรด้านกีฬาในคำแนะนำซึ่งบางทีอาจเป็นการตัดสิทธิ์จากการประลองในยุโรป เพื่อหยุดความมักมากมากมายของสมาคมที่ใช้จ่ายเกินกำลัง
ทั้งนี้ บทกำหนดโทษด้วยการจ่ายภาษีสุรุ่ยสุร่ายจะอยู่ในระดับที่ต้องชำระเงินเพิ่มเกินขีดจำกัดสูงสุด 20 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็บางทีอาจมีความหมายว่าสมาคมจำเป็นจะต้องชำระเงินในจำนวนเงินที่เท่ากันหรือมากยิ่งกว่า 1.5-2 เท่าของจำนวนเงินที่ใช้จ่ายตามจริง